เทคนิคการขับรถขณะฝนตก
07/08/2020 | 5818
ข้อปฏิบัติ
- เปิดที่ปัดน้ำฝน และเปิดไฟส่องสว่างเพื่อเพิ่มระยะการมองเห็นของรถคันอื่น
- หากที่ปัดน้ำฝนเสีย/ชำรุดควรจะเปลี่ยน เพราะจะไม่สามารถมองเห็นทางในระยะ ที่จำเป็นได้ส่งผลให้ไม่อาจเบรกรถได้ทันกรณีจำเป็น และเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้
- เลือกใช้ความเร็วที่เหมาะสมในกรณีขับรถขณะฝนตก และควรตรวจสอบ สภาพดอกยาง ความลึกดอกยางให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้และควรเช็กสภาพ ก่อนทุกครั้งที่จะมีการขับรถให้เป็นประจำสม่ำเสมอ เพราะหากยางมีความลึก ของดอกยางไม่เพียงพอ การรีดน้ำออกจากยางจะทำได้ไม่ดีอาจทำให้รถลื่นไถล เสียการควบคุมได้
- กรณีขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วมขัง ผู้ขับขี่ควรปิดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ เพื่อป้องกันน้ำที่อาจกระเด็นเข้าสู่บริเวณพัดลมเครื่องปรับอากาศ ถูกพัดไปทั่ว บริเวณห้องเครื่องยนต์ซึ่งอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร และเครื่องยนต์ดับได้
การเบรก
ในระหว่างที่สภาพถนนเปียกจะทำให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนของยางลดลง ส่งผลให้ต้องการระยะทางในการเบรกมากขึ้น และมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดสภาวะ ล้อล็อก (Brake Lock) ซึ่งจะทำให้รถลื่นไถล และเสียการควบคุมได้ดังนั้น ผู้ขับขี่ ควรจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนในการเบรก ดังนี้
- เหยียบแป้นเบรกอย่างรวดเร็วให้ทันตามสถานการณ์
- กรณีรถที่ใช้ระบบเบรกทั่วไป ให้ปล่อยแป้นเบรกเพื่อป้องกันล้อล็อก แล้วเหยียบ อีกครั้ง โดยทำเช่นนี้ 2–3 ครั้งจะรถชะลอความเร็ว หรือหยุดตามต้องการ
- กรณีรถให้ระบบเบรก ABS (Anti Brake Lock System) ให้เหยียบเบรกโดย ใช้น้ำหนักให้สอดคล้องกับสถานการณ์ไม่ต้องใช้วิธีการย้ำเบรก เพราะระบบ ABS จะทำการเพิ่มและลดแรงเบรกอัตโนมัติซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการสั่น สะเทือนได้
การใช้สัญญาณไฟ
ในการขับรถระหว่างฝนตก ผู้ขับขี่ไม่ควรเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน เพราะจะทำให้ รถคันอื่นเข้าใจผิดว่าเป็นรถที่กำลังจอดอยู่