ข้อสอบใบขับขี่ พร้อมเฉลย เรื่อง การขับขี่อย่างปลอดภัย | Thai Drive Exam

ข้อสอบใบขับขี่ พร้อมเฉลย เรื่อง การขับขี่อย่างปลอดภัย

20/04/2025 | อ่าน 0

ข้อสอบใบขับขี่

    • ต้องให้สัญญาณแก่ผู้อื่นรับรู้
    • แซงแล้วเหยียบเบรกทันที
    • รีบเร่งเครื่องแซงอย่างรวดเร็ว
    • รีบเปลี่ยนช่องทางอย่างรวดเร็ว
    • ลดความเร็วเมื่อมีคนข้ามถนน
    • จอดรถบริเวณทางร่วมทางแยก
    • ลดความเร็วเมื่อถึงวงเวียน
    • ลดความเร็วเมื่อถึงที่คับขัน
    • เมื่อเร่งรีบไปทำงาน
    • เมื่อฝนตกหนัก
    • เมื่อไม่สามารถมองเห็นทางในระยะต่ำกว่า 150 เมตร
    • เมื่อมีควันไฟปกคลุมถนน
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • หยุดรถให้รถทางขวามือผ่านไปก่อนจึงเลี้ยวขวาได้
    • หยุดรถให้รถทางตรงวิ่งสวนมาก่อนจึงเลี้ยวขวาได้
    • เลี้ยวขวาได้ทันที
    • ห้ามเลี้ยวรถ
    • นิ้วมือทั้งห้าแตะที่พวงมาลัย สามารถหมุนพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว
    • ให้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จับพวงมาลัยเพียงสองนิ้ว
    • นิ้วมือทั้งห้ากำพวงมาลัยให้แน่นที่สุด
    • นิ้วมือทั้งห้า จับพวงมาลัยให้กระชับ สามารถหมุนได้คล่องตัว
    • รถเก่า แรงน้อย ต้องหลบซ้าย
    • รถทุกคันต้องวิ่งตามความเร็วที่กฎหมายกำหนด
    • รถใหม่ราคาแพง ต้องชิดขวา
    • รถวิ่งเร็วต้องเปิดไฟสูงตลอดเวลา
    • รถบรรทุกคนโดยสารต้องขับช่องขวาสุด
    • การเปลี่ยนช่องทางเดินรถไปซ้ายหรือขวาไม่ต้องดูกระจกด้านซ้ายหรือขวา
    • รถบรรทุกสิ่งของต้องขับช่องขวาสุด
    • รถจักรยานยนต์ต้องขับในช่องซ้ายสุด
    • บีบแตรเตือนหลายๆ ครั้งก่อนถึงโค้ง
    • เตือนด้วยการเปิดไฟสูง-ต่ำ
    • ขับรถด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
    • ชะลอความเร็วให้เหมาะสมกับโค้ง
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • หยุดรถ
    • ชะลอความเร็วและให้ทางแก่เขาไปก่อน
    • เร่งความเร็วเพื่อจะไปก่อน
    • จอดรถ
    • ขับรถนอกเขตเทศบาลใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    • ขับรถตามความพอใจของตัวเอง
    • ขับช้าและชิดด้านซ้าย
    • ขับรถในเขตเทศบาลใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • ทั้งรถ A และรถ B
    • คันที่มาถึงทางร่วมทางแยกก่อน
    • รถคัน B
    • รถคัน A
    • แซงรถในอุโมงค์
    • ขับรถกีดขวางการจราจร
    • ขับรถคร่อมเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ
    • ขับรถใช้ความเร็วไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
    • รอประกันภัย
    • รอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ
    • การเคลื่อนย้ายรถที่เกิดเหตุ
    • การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
    • บุคคลทุกคน
    • ผู้โดยสารเท่านั้น
    • คนขับรถเท่านั้น
    • คนเดินเท้าเท่านั้น
    • ใช้ความเร็วคงที่
    • เพิ่มความเร็วให้มากขึ้นกว่าเดิม
    • ลดความเร็วลงให้มากที่สุด
    • ควบคุมความเร็วให้เหมาะสมกับโค้งหรือมุมเลี้ยว
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • ผู้ที่จะเลี้ยวซ้ายต้องหยุดให้ทางแก่รถที่เลี้ยวมาจากทางขวาก่อน
    • ผู้ที่จะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวได้ทันที
    • ห้ามเลี้ยวซ้าย
    • ผู้ที่จะเลี้ยวขวาต้องหยุดให้ทางแก่รถที่เลี้ยวมาจากทางซ้ายก่อน
    • รถ
    • ถนน
    • ผู้ขับขี่
    • สิ่งแวดล้อม
    • เปิดไฟสูงขณะที่ไม่มีรถสวนทางมา
    • เปิดไฟสูงเพื่อไล่รถคันหน้า
    • เปิดไฟสูงขณะรถสวนกัน
    • เปิดไฟสูงขณะขับรถตามหลังรถคันอื่น
    • ต้องขับคร่อมเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ
    • ต้องขับรถชิดด้านซ้ายสุด
    • ต้องขับรถอยู่ในช่องทางที่ให้ขับตรงไป
    • ต้องขับรถชิดด้านขวาสุด
    • ตั้งสติ ลดความเร็ว จอดรถข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน
    • ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และขับรถต่อไป
    • ตั้งสติ จอดรถข้างทาง
    • ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และหยุดรถทันที
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • ขับรถไปต่อท้ายรถคัน ข. เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่าง
    • ขับรถไปจอดคู่กับรถคัน ข. ทางด้านขวา
    • หยุดรถให้รถคัน ข. ขับผ่านไปก่อน
    • ขับรถไปต่อท้ายรถคัน ข. และเปิดไฟฉุกเฉิน
    • เพื่อให้ความร้อนของเครื่องยนต์สูงกว่าปกติ
    • เพื่อให้รถมีความเร็วมากขึ้น
    • เพื่อให้เครื่องยนต์ร้อน
    • เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ดับ
    • ต่อทะเบียนรถให้เรียบร้อย
    • รับประทานเครื่องดื่มกระตุ้นประสาทชนิดเข้มข้น
    • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
    • เติมน้ำมันให้เต็มถัง
    • เหยียบเบรกและคลัทช์พร้อมกัน
    • เหยียบเบรกแรงๆ โดยไม่ต้องถอนเบรก
    • เหยียบและปล่อยเบรกสลับกัน (ย้ำเบรกซ้ำๆ)
    • เหยียบคลัทช์ก่อน แล้วจึงเหยียบเบรก
    • ใช้ความเร็วไม่เกิน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    • เปิดไฟหน้ารถในขณะขับรถ
    • ลดความเร็วลงและเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น
    • เบรกรถอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
    • ปล่อยให้รถไหลไป แล้วค่อยประคองรถ
    • เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ เข้าเกียร์ว่าง และติดเครื่องใหม่
    • เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และติดเครื่องใหม่
    • เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ ดึงเบรกมือ และติดเครื่องใหม่
    • ให้ชะลอความเร็วและขับรถชิดด้านซ้าย
    • ในทางที่มีสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้าไม่ต้องหยุดรอให้รถที่สวนมาผ่านไปก่อน
    • แซงเข้าไปในช่องเดินรถประจำทางได้
    • ในทางแคบที่ไม่อาจสวนกันได้ ผู้ขับรถคันที่เล็กกว่า ต้องหยุดชิดด้านซ้ายให้รถคันที่ใหญ่กว่าไปก่อน
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • หยุดรอในตำแหน่งที่จะเลี้ยวและเลี้ยวได้เมื่อปลอดภัย
    • เร่งความเร็วเพื่อเลี้ยวขวาทันที
    • ควรเลี้ยวให้ทันทีเนื่องจากมีรถคันใหญ่ขวางรถฝั่งตรงข้าม
    • ขับรถไปในช่องทางด้านขวาเพื่อทำการเลี้ยว
    • กลับรถที่บริเวณเส้นทแยงเหลือง
    • เข้าช่องทางให้ถูกต้องและให้กลับรถได้เมื่อปลอดภัย
    • กลับรถในบริเวณที่คับขัน
    • กลับรถช่องทางไหนก็ได้
    • ดื่มสุราก่อนออกเดินทาง
    • เตรียมสภาพรถให้พร้อมใช้งาน
    • ศึกษาเส้นทางที่จะไป
    • เตรียมความพร้อมของร่างกาย
    • เมื่อรถที่จะถูกแซงกำลังเลี้ยวขวา หรือให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา
    • แซงรถคันอื่นทางด้านซ้ายในทางเดินรถช่องทางเดียว
    • แซงรถคันอื่นในช่องทางซ้ายเมื่ออยู่ในเขตชุมชน
    • แซงรถคันอื่นทางด้านซ้ายขณะรถวิ่งบนสะพาน
    • ไม่มีรถสวนทางมา
    • ทางเดินรถกว้างมาก
    • ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ่งกีดขวาง
    • ทางเดินรถมีน้ำท่วมขัง
    • ทางเดินรถที่มีเครื่องหมายห้ามกลับรถ
    • บริเวณบนสะพาน
    • ระยะ 100 เมตร จากทางราบของเชิงสะพาน
    • เขตปลอดภัย
    • ลดความเร็วของรถลงและเลี้ยวซ้ายผ่านไปได้ทันที
    • หยุดรอจนกว่าจะได้รับสัญญาณไฟเขียวจึงเลี้ยวซ้ายไปได้
    • หยุดรอให้คนข้ามถนนและรถที่มาจากทางด้านขวามือขับผ่านไปก่อนแล้วจึงเลี้ยวซ้ายผ่านไป
    • เลี้ยวซ้ายผ่านไปได้ทันที
    • รถจักรยานยนต์ถูกบดบังจากสิ่งกีดขวางได้ง่าย
    • รถจักรยานยนต์มักจะใช้ความเร็วมากกว่ารถยนต์
    • รถจักรยานยนต์มีสิทธิ์ไปก่อน
    • ตำรวจสายตรวจมักจะใช้รถจักรยานยนต์
    • หยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5 เมตร
    • ขับรถผ่านไปโดยเร็ว
    • ให้เสียงสัญญาณแตรเตือนและขับผ่านไปได้
    • หยุดรอสัญญาณไฟและเปิดไฟฉุกเฉิน
    • ไม่มีผล เพราะไม่ใช่ฝ่ายผิด
    • ให้สันนิษฐานว่าผู้นั้นเป็นผู้กระทำผิด
    • มีผลให้เป็นฝ่ายถูก
    • จะได้รับการกันไว้เป็นพยาน
    • รถเสียหรือรถเกิดอุบัติเหตุ
    • ปิดได้ตลอดเวลา
    • มีหมอก
    • ผ่านทางแยก
    • ใช้คนดันไป
    • ใช้รถดันไป
    • ใช้สายพ่วงลากจูงไป
    • ใช้วิธีการยกหน้าหรือยกท้ายลากไป
    • พูดคุยกับคนที่อยู่ข้างๆ
    • เปิดวิทยุฟังเพลง
    • ร้องเพลง
    • โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถ
    • ความประมาทเป็นบ่อเกิดแห่งความตาย
    • กล้าได้กล้าเสีย
    • ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้
    • กระต่ายตื่นตูม
    • บีบแตรไล่
    • ขับผ่านไปได้โดยไม่ต้องหยุดรถ
    • ใช้การวัดใจ
    • รถต้องหยุดให้คนเดินเท้าผ่านไปก่อน
    • ลดอุบัติเหตุ
    • จะขับรถด้วยความปลอดภัยมากขึ้น
    • เกิดปัญหาการจราจรติดขัด
    • การจราจรคล่องตัวมากขึ้น
    • ขับรถด้วยความระมัดระวังขณะฝนตก ถนนลื่น
    • ขับรถด้วยความเร็วสูงในที่ที่มีการจราจรพลุกพล่าน
    • ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
    • ให้สัญญาณไฟเพื่อขอแซง
    • จอดรถซ้อนคัน
    • จอดโดยไม่กีดขวางผู้อื่นและไม่ฝ่าฝืนกฎจราจร
    • จอดรถขวางทางเข้า-ออก
    • จอดบริเวณที่มีเครื่องหมายห้ามจอด
    • เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเส้นทาง
    • เปิดที่ปัดน้ำฝน
    • ใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น
    • ลดความเร็วของรถลงกว่าปกติ
    • จอดรถทิ้งไว้กลางถนน
    • นำกิ่งไม้วางไว้ท้ายรถ
    • เผาป่าข้างทางหากเป็นกลางคืน
    • นำรถจอดเข้าข้างทาง, เปิดไฟฉุกเฉิน
    • เหยียบเบรกทันที แล้วค่อยๆออกตัวเร่งความเร็วใหม่
    • ถอนคันเร่ง เหยียบเบรกเพื่อใช้เกียร์ต่ำ
    • ถอนคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถต่อไป
    • ตั้งสติให้มั่น จับพวงมาลัยให้ดี เร่งความเร็วหนีให้พ้นไป
    • ตั้งสติ ลดความเร็ว จอดรถข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน
    • ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และขับรถต่อไป
    • ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และหยุดรถทันที
    • ตั้งสติ จอดรถข้างทาง
    • ทำให้เข้าเกียร์ได้ง่าย
    • ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นชัดเจนดีมาก สามารถตัดสินใจได้ดี
    • บังคับพวงมาลัยลําบาก ใช้อุปกรณ์ต่างๆ ไม่สะดวก เกิดเหตุฉุกเฉินไม่สามารถใช้คลัทช์ และเบรกได้
    • ทำให้เบรกรถสะดวก
    • ถอยช้าๆ แล้วใช้ความระมัดระวัง
    • ถอยแบบไหนก็ได้
    • ถอยเหมือนกับเดินหน้า
    • ใช้ความเร็วตามสภาพของรถ
    • เกียร์ต่ำ
    • เกียร์สูง
    • เกียร์ว่าง
    • เกียร์ใดก็ได้
    • เพื่อเพิ่มกำลังของรถ
    • เพื่อหน่วงความเร็วของรถ
    • เพื่อลดความร้อนของเครื่องยนต์
    • เพื่อเพิ่มความเร็วของรถ
    • ลดความเร็วลง แต่เร่งเครื่องยนต์ให้มากกว่าปกติเล็กน้อย
    • เปิดไฟฉุกเฉิน
    • ขับรถด้วยความรวดเร็ว
    • ขับรถด้วยความเร็วปกติ
    • ขับช้าๆ ตามหลังรถคันหน้าในระยะห่างพอสมควร
    • พยายามไม่ใช้เบรกโดยเด็ดขาด
    • พยายามขับจี้ท้ายรถคันหน้าตลอดเวลา
    • เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเวลา
    • ทางเลี้ยวซ้ายเข้าซอย
    • ทางบังคับเลี้ยว
    • ทางเลี้ยวซ้ายออกจากซอย
    • ทางกลับรถ
    • ขึ้นและลงใช้เกียร์ต่ำ
    • ขึ้นใช้เกียร์ต่ำและลงใช้เกียร์สูง
    • ขึ้นใช้เกียร์ต่ำและลงใช้เกียร์ว่าง
    • ขึ้นและลงใช้เกียร์สูง
    • พักผ่อนให้เพียงพอ
    • ดื่มเหล้า
    • กินยาบ้า
    • เที่ยวดึก
    • ถนน
    • ผู้ขับขี่รถ
    • สัญญาณไฟจราจร
    • ไฟส่องถนนบริเวณทางร่วมทางแยก
    • มองกระจกมองข้างด้านขวา
    • เปิดไฟเลี้ยวซ้าย หันศีรษะไปด้านซ้าย
    • มองกระจกมองข้างด้านขวา เปิดไฟเลี้ยวขวา พร้อมกับหันศีรษะมองข้ามไหล่ขวาไปทางด้านหลังก่อนออกรถ
    • มองกระจกมองหลัง
    • การมองถึงสภาพของถนนที่แตกต่างกัน
    • การมองการเคลื่อนไหวของรถและคน
    • มองไปยังสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขับรถ
    • การมองเห็นฝูงสัตว์เลี้ยงกำลังข้ามถนน
    • ความรวดเร็วในการตัดสินใจ
    • ความเร็วในการเหยียบเบรก
    • น้ำหนักบรรทุกเพิ่มมากขึ้น
    • น้ำหนักบรรทุกลดน้อยลง
    • หยุดรถติดไฟแดง
    • ขับรถลงทางลาดชัน
    • จอดรถ
    • หยุดบนทางลาดชัน
    • สภาพพื้นผิวถนน
    • น้ำหนักบรรทุก
    • น้ำมันหล่อลื่น
    • ความเร็วของรถ
    • หันเข้าหาขอบทาง
    • อยู่อย่างไรก็ได้
    • ตรงและขนานกับขอบทางหรือฟุตบาต
    • หันออกจากขอบทาง
    • เปิดไฟส่องสว่างหน้า
    • ขับรถช้าๆ โดยไม่ต้องเปิดไฟ
    • บีบแตรแล้วขับให้เร็วเพื่อป้องกันรถคันหลังชนท้าย
    • เปิดไฟหรี่
    • ขับรถช้าในช่องทางด้านขวา
    • ไม่ขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
    • ไม่ให้ขับรถแซงทางด้านซ้าย
    • ขับรถอย่างรวดเร็วในช่องทางด้านขวา
    • ขึ้นอยู่กับอาหารการกิน
    • ไม่ใช่
    • ใช่
    • ขึ้นอยู่กับชนิดของยานพาหนะที่ขับขี่
    • ระบบกันสะเทือนจะนุ่มนวลมากขึ้น
    • จะใช้ระยะในการเบรกยาวขึ้น
    • เครื่องยนต์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ
    • ควันไอเสียจะมากขึ้น
    • เร่งความเร็วขณะที่รถข้างหลังกำลังแซงรถของท่าน
    • ไม่แซงหากรถคันหน้ากำลังแซงอยู่
    • แซงได้หากรถข้างหน้าของท่านเปิดไฟเลี้ยวซ้ายและชะลอความเร็วลง
    • ไม่แซงหากมีรถวิ่งสวนมาในระยะใกล้
    • ความรุนแรงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
    • ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ
    • พิจารณาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บว่ามีกี่คน
    • ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรักษาพยาบาล
    • สภาพร่างกายของผู้ขับขี่และสภาพรถไม่พร้อม
    • คนขับหลับในเนื่องจากเหนื่อยล้า
    • ขับรถในขณะมึนเมา
    • แสงสว่างไม่เพียงพอต่อการมองเห็นในขณะขับรถ
    • ขับรถตรงไปข้างหน้าเพื่อหาศูนย์บริการ
    • ขับรถถอยหลังเพื่อหาที่จอดรถ
    • ชิดทางด้านขวาเพื่อจอดรถ
    • เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินและจอดรถชิดทางด้านซ้าย
    • หลีกเลี่ยงการใช้เบรกในช่วงระยะทางสั้นๆ
    • เร่วความเร็วและรักษาความเร็วให้สูงในช่วงเวลาสั้นๆ
    • หยุดรถเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงเพื่อให้ระบบเบรกแห้ง
    • ขับรถอย่างช้าๆ ในขณะที่ค่อยๆ เหยียบเบรกเรื่อยๆ
    • ขับตามหลังในระยะกระชั้นชิด
    • คาดการณ์ไว้ว่าผู้สูงอายุที่ขับรถอยู่ข้างหน้าท่านอาจขับรถแย่
    • ตระหนักไว้เสมอว่าผู้ขับรถสูงอายุอาจมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่ว่องไว
    • ให้สัญญาณโดยกะพริบไฟและขับแซงขึ้นหน้าเลย
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • หยุดเฉพาะเมื่อมีรถบนถนนหลัก
    • หยุดหลังเส้น และค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้าเพื่อให้มองเห็นได้ชัดขึ้น
    • หยุดเฉพาะกรณีที่เลี้ยว
    • หยุดหน้าเส้นในจุดที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
    • บีบแตรเสียงดัง และขับรถผ่านไปอย่างรวดเร็ว
    • ลดความเร็วและหยุดรถด้วยความปลอดภัย เพื่อให้คนข้ามถนน
    • พยายามขับรถผ่านไปอย่างรวดเร็ว
    • เบรกหยุดรถอย่างรวดเร็ว เพื่อให้คนข้ามถนน
    • อยู่ในตัวรถและปิดกระจกทั้งหมด
    • ปิดไฟทั้งหมด
    • เปิดไฟฉุกเฉิน
    • ปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงาน
    • คาดหวังว่าผู้สูงอายุจะรอ ให้รอผ่านไปก่อนจึงข้าม
    • ระมัดระวังเพราะผู้สูงวัยอาจจะประมาณความเร็วของรถผิดพลาด
    • หยุดรถและโบกมือให้ข้ามถนน
    • เร่งความเร็วเพื่อให้ผ่านไปโดยเร็วที่สุด
    • ถามเพื่อนว่ายาที่รับประทานมีผลต่อการขับรถหรือไม่
    • ดื่มกาแฟสูตรเข้มข้น 1 ชั่วโมงก่อนการขับรถ
    • ขับเป็นระยะสั้นๆ เพื่อสังเกตดูว่ายาที่ใช้มีผลต่อการขับรถหรือไม่
    • ตรวจสอบฉลากว่ายาที่ใช้มีผลต่อการขับรถหรือไม่
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • ให้สัญญาณแตรเสียงยาว
    • ขับไปจอดต่อท้ายให้ชิดกับรถคันหน้ามากที่สุด
    • หยุดรถให้รถที่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาไปก่อน
    • ขับไปจอดต่อท้ายรถที่เสียพร้อมกับเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน
    • หยุดรถ
    • ชะลอความเร็วและให้ทาง
    • จอดรถ
    • เร่งความเร็วเพื่อจะไปก่อน
    • เพื่อตรวจสอบจุดบอดด้านหลัง
    • เพื่อสามารถทรงตัวได้เมื่อทำการเลี้ยว
    • รถจักรยานยนต์ไม่มีกระจก
    • เพื่อฟังเสียงรถที่วิ่งตามมา
    • กะพริบไฟเพื่อบอกคนขับรถว่าปลอดภัยที่จะไปได้
    • บีบแตรเพื่อเตือนว่ามีรถอยู่
    • อดทนและเตรียมพร้อม เนื่องจากคนขับอาจตอบสนองได้ช้า
    • แซงให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
    • จอรถขวางรถคันอื่นโดยเข้าเกียร์และเบรกมือ
    • ต้องการไปทางตรงแต่ขับรถในช่องจราจรเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาหรือกลับรถ
    • ไม่ใช่ผู้พิการแต่จอดรถในพื้นที่จอดรถของผู้พิการ
    • กลับรถที่จุดกลับรถทุกครั้งแม้จะอยู่ไกล
    • มี แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการขับขี่
    • มี เช่น มึนงง เวียนศีรษะ มองเห็นไม่ชัด
    • ไม่มี
    • ขึ้นกับความรุนแรงของโรค
    • แซงรถบรรทุกเฉพาะในกรณีที่ไม่มีรถสวน
    • แซงรถบรรทุก หากมีพื้นที่มากพอ
    • ห้ามแซงรถบรรทุกขณะอยู่ที่ทางแยก
    • ห้ามแซงรถบรรทุกจนกว่ารถบรรทุกจะเริ่มเลี้ยว
    • ปฏิกิริยาการตอบสนองต่อเหตุการณ์ช้าลง
    • ช่วยเร่งปฏิกิริยาการตอบสนองต่อเหตุการณ์
    • ช่วยพัฒนาปฏิสัมพันธ์กับสภาวะรอบตัว
    • ทำให้สามารถรับรู้สถานการณ์เพิ่มขึ้น
    • ผู้ใช้รถจักรยาน อาจจำเป็นต้องเลี้ยวซ้าย
    • ผู้ใช้รถจักรยาน อาจลงจากรถ
    • ผู้ใช้รถจักรยาน อาจหักเลี้ยวกะทันหัน
    • ผู้ใช้รถจักรยาน อาจเร่งความเร็ว
    • หากไม่มีสัญญาณไฟจราจรให้รถคันที่ใหญ่กว่าผ่านทางร่วมทางแยกไปก่อน
    • เมื่อพบป้ายเตือนสัญญาณไฟบริเวณทางร่วมทางแยกให้ขับรถไปตามปกติ
    • เมื่อพบป้ายเตือนทางร่วมทางแยกให้ขับรถด้วยความเร็วปกติ
    • ให้รถที่มีอยู่ในทางร่วมทางแยกขับผ่านไปก่อน
    • ต้องเคลื่อนย้ายอย่างถูกต้อง
    • ต้องทราบว่าผู้บาดเจ็บได้รับบาดเจ็บบริเวณไหน
    • ต้องให้การปฐมพยาบาลก่อนการเคลื่อนย้าย
    • ต้องเคลื่อนย้ายทันทีไม่ต้องดูอาการ
    • เว้นระยะให้ห่างจากรถบรรทุกเพื่อที่จะสามารถเห็นด้านหน้าว่าสามารถแซงได้หรือไม่
    • กะพริบไฟเพื่อให้รถที่สวนมาให้ทาง
    • รอด้านหลังรถบรรทุก จนกว่าคนขับจะโบกมือให้สัญญาณว่าผ่านได้
    • ตามหลังอย่างกระชั้นชิดและคอยเคลื่อนที่ออกเพื่อมองถนนข้างหน้า
    • เปิดไฟต่ำเมื่อมีรถอยู่ด้านหน้าและรถสวนทางมา
    • เปิดไฟหน้า ไฟตัดหมอก และไฟกะพริบฉุกเฉิน
    • เปิดไฟสูง ตลอดเวลาที่ขับขี่
    • เปิดทั้งไฟหน้า และไฟตัดหมอก
    • ขึ้นอยู่กับชนิดของยานพาหนะที่ขับขี่
    • ใช่
    • ไม่ใช่
    • ขึ้นอยู่กับอาหารการกิน
    • จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถให้ปลอดภัย
    • เหยียบคันเร่ง
    • ควรล็อกประตูรถทุกบาน
    • มองกระจกหลัง
    • ให้เด็กนั่งที่นั่งปกติและคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้ใหญ่
    • นั่งหลังที่นั่งผู้โดยสาร
    • ให้เด็กนั่งที่นั่งปกติและคาดเข็มขัดนิรภัยร่วมกับผู้ใหญ่
    • นั่งระหว่างเด็กคนอื่นๆ
    • ไม่ขับรถจี้หลังกระชั้นชิด
    • เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อวิ่งตรงบนทางแยก
    • ไม่แซงกระชั้นชิด
    • ใช้สัญญาณไฟเลี้ยวเมื่อต้องการเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลน
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • ใช้สัญญาณแตรเพื่อเตือนรถพยาบาลให้รู้ว่าท่านจะไปก่อน
    • ขับผ่านไปตามปกติ
    • หยุดรอรถพยาบาลไปก่อน
    • รีบๆ ขับผ่านไปจะได้ไม่ขวางทางรถพยาบาล
    • รถบรรทุกควบคุมได้ยากในทางตรง
    • รถบรรทุกอาจบดบังรถทางด้านซ้ายได้
    • รถบรรทุกอาจเลี้ยวในทันทีทันใด
    • รถบรรทุกอาจบดบังรถยนต์ที่ทำการแซงได้
    • เริ่มทำการแซง
    • กะพริบไฟ
    • บีบแตร
    • เว้นระยะห่างออกไปอีก
    • คน
    • คน รถ ถนน
    • คน รถ
    • คน รถ ถนน สิ่งแวดล้อม
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • เลี้ยวซ้ายและเว้นระยะห่างจากคนข้ามถนนไว้
    • ให้ทางแก่คนข้ามถนน
    • บีบแตรและทำการเลี้ยว
    • หยุดและโบกมือให้คนข้ามถนนข้ามไปก่อน
    • เปลี่ยนเป็นเกียร์ 1
    • ตรวจดูรถจักรยานยนต์ที่แทรกตามช่องว่างระหว่างรถ
    • ให้สัญญาณมือ 'ขับช้าลง'
    • บีบแตรและกะพริบไฟ
    • หยุดและใช้เบรกมือ
    • ใช้เกียร์ 1
    • ตรวจดูว่ามีรถที่กำลังจะแซงหรือไม่
    • ปิดไฟเลี้ยวขวา
    • เพื่อดูดอากาศหายใจให้เข้าปอดมากที่สุด
    • เพื่อเป็นทางออกสำหรับผู้ติดอยู่ในรถ
    • เพื่อไม่ให้กระจกรถแตก
    • เพื่อปรับความดันในรถและนอกรถให้เท่ากัน
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • เว้นระยะห่าง
    • บีบแตร
    • ทำตามรถบรรทุก
    • แซงจากทางด้านซ้าย
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • ให้ทั้งรถทางขวาและซ้ายไปก่อน
    • เลี้ยวขวาได้ทันที
    • ให้รถทางขวาไปก่อน
    • ให้รถทางซ้ายไปก่อน
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • รถคันสีขาว
    • รถที่มีความเร็วต่ำกว่า
    • รถคันสีแดง
    • รถที่มีความเร็วสูงกว่า
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • ชะลอความเร็วและเตรียมพร้อมที่จะหยุดรถ
    • เพิ่มความเร็ว
    • ขับด้วยความเร็วเท่าเดิม
    • บีบแตรเพื่อเร่งให้คนรีบเดิน
    • ขับรถชิดซ้าย หรือให้ทางแก่รถฉุกเฉิน
    • ขับรถจี้ท้าย และบีบแตรไล่บนทางด่วน
    • ชะลอความเร็วให้รถคันอื่นแซง
    • ใช้ความเร็วรถปกติ เมื่อมีรถคันอื่นกะพริบไฟขอทาง
    • เพิ่มความระมัดระวังในการขับรถ
    • ชะลอความเร็ว
    • บีบแตรเพื่อไล่คนเดินเท้า
    • หยุดรถให้คนเดินเท้าข้าม
    • ใช้ความเร็วต่ำ
    • ขับขี่อย่างระมัดระวัง
    • ขับรถด้วยความเร็วสูง
    • ไม่เบรกกะทันหันระหว่างที่ขับขี่อยู่บริเวณที่มีผิวทางชำรุด
    • รอสัญญาณไฟเขียว
    • ก่อนข้ามทางรถไฟต้องตรวจสอบความปลอดภัยอีกครั้ง
    • ขับตามคันด้านหน้าไปได้เลย
    • หยุดรอเจ้าหน้าที่ให้สัญญาณ
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • ชะลอความเร็วและให้รถประจำทางไปก่อน
    • ไม่ต้องสนใจและขับแซงรถประจำทางไปในทันที
    • เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน เพื่อบอกให้รถประจำทางไปก่อน
    • บีบแตรหรือกะพริบไฟสูง
    • ระบบเบรก ABS
    • เบาะสปริงลม
    • แกนพวงมาลัยแบบยุบตัวได้
    • หมอนรองศีรษะที่ปรับระดับได้เหมาะสม
    • เปิดไฟฉุกเฉินในขณะที่หมอกลงจัด
    • เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อกำลังจะเลี้ยวซ้ายบริเวณทางแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร
    • เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อรถจอดเสียอยู่บริเวณไหล่ทาง
    • เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อให้ผู้ขับขี่ท่านอื่นทราบว่าตนจะวิ่งตรงไป
    • ไม่ขับรถเกินกว่า 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    • หลีกเลี่ยงการขับรถบนทางหลวงพิเศษ
    • ขับรถได้เมื่อมีคนโดยสารไปด้วยเท่านั้น
    • ให้ผู้อื่นขับรถแทน
    • ชะลอความเร็วและให้การช่วยเหลือเบื้องต้น
    • โทรเรียกสายด่วนรถพยาบาล
    • สังเกตการณ์อยู่บนรถ หากไม่ใช่คนรู้จักจึงขับรถไปต่อ
    • จอดรถข้างทางแสดงสัญลักษณ์เตือนให้ระมัดระวัง
    • งดเว้นการขับขี่ เนื่องจากมีอาการง่วง
    • ขับได้แต่ต้องดื่มน้ำตามเยอะๆ
    • นั่งพัก 10 นาทีจึงสามารถขับขี่รถได้
    • สามารถขับขี่รถได้ปกติ
    • ช่วยลดอาการบาดเจ็บที่คอกรณีเกิดอุบัติเหตุ
    • ช่วยทำให้รักษาตำแหน่งท่าในการขับรถได้ดีขึ้น
    • ช่วยทำให้ผ่อนคลาย
    • ช่วยทำให้สบายมากขึ้น
    • ใส่เกียร์เดินหน้า
    • ใส่เบรกมือไว้
    • ปลดเกียร์ว่าง ไม่ใช้เบรกมือ
    • ใส่เกียร์ถอยหลัง
    • บีบแตรเร่งรถคันหน้าให้เคลื่อนตัวออกโดยเร็ว
    • ชะลอให้รถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ที่อยู่ด้านหน้าเคลื่อนออกไปก่อน
    • ตรวจสอบรถในทางแยกอื่นที่อาจวิ่งออกมาก่อนที่จะขับเข้าสู่ทางแยกด้านหน้า
    • ค่อยๆ เคลื่อนรถออกโดยทิ้งช่วงห่างกับคันหน้าพอสมควร
    • ให้สัญญาณแตร และลดความเร็วลง
    • ให้สัญญาณไฟฉุกเฉิน
    • ให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย ชิดซ้าย และลดความเร็วลง
    • ให้สัญญาณไฟสูง และลดความเร็วลง
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • ขับรถด้วยความเร็วเท่าเดิมและให้สัญญาณไฟสูง
    • ลดความเร็วลงและเตรียมที่จะหยุดรถ
    • จอดรถและโบกมือให้เด็กไปเก็บลูกบอล
    • ขับรถด้วยความเร็วเท่าเดิมและให้สัญญาณแตร
    • ด้านการขับขี่
    • ด้านความปลอดภัย
    • ด้านหน้า หลัง ซ้าย ขวา
    • ด้านข้างๆ
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • เปิดไฟสัญญาณไฟฉุกเฉิน
    • บีบแตรไล่และพยายามขับเบียดแทรกอย่างรวดเร็ว
    • หยุดรอจนกว่ารถที่ขวางทางจะผ่านไป
    • บีบแตรอย่างต่อเนื่อง
    • เปลี่ยนเกียร์ขณะเข้าทางโค้ง
    • เหยียบเบรกกะทันหันขณะเข้าทางโค้ง
    • ใช้ความเร็วสูงกว่าที่กำหนด
    • ลดความเร็วก่อนเข้าโค้ง
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • ที่จอดรถที่ว่างอยู่
    • รถที่ตามหลังมา
    • รถที่จอดอยู่อาจเปิดประตู
    • พื้นผิวถนนที่ขรุขระ
    • โค้งศีรษะแสดงความขอบคุณ
    • เปิดไฟสูงแสดงการขอบคุณ
    • ส่งยิ้มแสดงการขอบคุณ
    • ยกมือขวาขึ้นระดับคิ้วแสดงการขอบคุณ
    • ขึ้นอยู่กับอาหารการกิน
    • ขึ้นอยู่กับชนิดของยานพาหนะที่ขับขี่
    • ใช่ เพราะทำให้ร่างกายตอบสนองช้า
    • ไม่ใช่
    • ชนฟุตบาทหรือริมถนน
    • ชนแบบประสานงา
    • ชนจากทางด้านข้าง
    • ชนเดินคนเท้า
    • รับประทานยาแก้ปวด แล้วขับรถกลับบ้าน
    • ขับรถกลับบ้าน ถ้ายังมีสติ
    • รอเป็นระยะเวลาสั้นๆ แล้วค่อยๆขับรถกลับบ้าน
    • รอจนกระทั่งร่างกายมีความพร้อมในการขับรถ
    • เหยียบเบรกอย่างค่อยๆ และช้าๆ
    • เหยียบเบรกอย่างค่อยๆ อย่างรวดเร็ว
    • เหยียบเบรกอย่างช้าๆ แต่เต็มที่
    • เหยียบเบรกอย่างรวดเร็วและเต็มที่
    • ขับรถตามหลังท้ายคันหน้าอย่างกระชั้นชิดโดยไม่หยุดให้คนข้ามถนน
    • แตะเบรกเตือนให้รถหลังรู้ว่าท่านกำลังจะหยุดรถ และหยุดรถตรงทางข้าม
    • ขับรถแซงคันที่จอดรถให้คนข้ามและขับผ่านไปโดยเร็ว
    • บีบแตรเตือนคนที่จะข้ามถนนและเร่งความเร็วผ่านไป
    • ลดความเร็วลงและเพิ่มความระมัดระวัง
    • ให้สัญญาณเตือนผู้คนในละแวกนั้น
    • ขับรถชิดขอบทางด้านซ้ายด้วยความระมัดระวัง
    • พยายามใช้ความเร็วคงที่ในการผ่านบริเวณนั้น
    • ติดต่อรถช่วยเหลือฉุกเฉิน
    • พยายามให้ผู้บาดเจ็บดื่มอะไรบางอย่าง
    • เคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บออกจากรถ
    • หยุดรถคันอื่นๆ และขอความช่วยเหลือจากคนขับรถ
    • เปิดไฟเลี้ยวซ้าย และโบกมือให้รถทางด้านหลังแซง
    • เคลื่อนที่ไปติดด้านซ้ายและเส้นกลางของถนน
    • เพิกเฉยต่อคนขับรถด้านหลัง และขับต่อไปด้วยความเร็วภายใต้ที่กฎหมายกำหนด
    • ลดความเร็วลง โดยเพิ่มระยะห่างจากรถด้านหน้าเพื่อให้มีระยะหยุดรถเพียงพอ
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • ลดความเร็วลง
    • ใช้สัญญาณแตรเตือน
    • เร่งความเร็วขึ้น
    • เปิดไฟสูงเตือน
    • นางสาว ก. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนขับรถ
    • นางสาว ข. ทานยาแก้แพ้ก่อนขับรถ
    • นางสาว ค. อดนอนก่อนขับรถ
    • นาย ข ได้ยาเบาหวานแบบฉีดจึงหยุดขับรถ
    • ปรับกระจกมองข้างและมองหลังให้เหมาะสม
    • ติดตั้งเบรกที่มีสมรรถนะสูง
    • ขณะถอยหลัง ควรให้แน่ใจว่าไม่มีคนหรือสิ่งของอยู่ข้างหลัง
    • นั่งท่าขับรถที่ถูกต้อง
    • เร่งความเร็ว
    • ลดความเร็ว
    • เปลี่ยนทิศทาง
    • รักษาความเร็วให้คงที่
    • เร่งความเร็วเพื่อทิ้งระยะจากรถด้านหลัง
    • รักษาระยะและให้รถด้านหลังทำการแซง
    • โบกมือให้รถด้านหลังแซงได้เมื่อเห็นว่าปลอดภัย
    • ขับรถเข้าใกล้รถคันหน้า เพื่อให้รถด้านหลังไม่มีพื้นที่ในการแซง
    • ผู้บาดเจ็บที่มีน้ำหนักน้อย
    • สำหรับผู้บาดเจ็บที่ไม่รู้สึกตัว
    • เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่รู้สึกตัวดี
    • เหมาะที่จะใช้ในกรณีฉุกเฉิน
    • ลดความเร็วและกะพริบไฟสูงใส่คนพิการ
    • หยุดรถให้คนพิการข้ามผ่านทางไปก่อน
    • เร่งความเร็วและขับอ้อมไปทางด้านขวาของคนพิการ
    • หยุดและให้สัญญาณแตรจนกว่าคนพิการข้ามจนพ้นทาง
    • ผู้บาดเจ็บในกรณีฉุกเฉิน
    • ผู้บาดเจ็บที่ไม่รู้สึกตัว
    • ผู้บาดเจ็บที่ลำตัว หรือกระดูกหัก
    • ผู้บาดเจ็บที่ขาเจ็บ แต่รู้สึกตัวดี และสามารถใช้แขนทั้งสองข้างได้
    • เมื่อท่านต้องการขับผ่านสี่แยกไปในทิศทางตรง
    • เมื่อท่านขับรถด้วยความเร็วต่ำเนื่องจากฝนตกหนัก
    • เมื่อรถของท่านเสีย หรือ เกิดอุบัติเหตุ
    • เมื่อท่านขับรถด้วยความเร็วต่ำขณะที่กำลังหลงทาง
    • ความเร็วสูงสุดที่สามารถขับได้
    • ความเร็วที่กฎหมายกำหนด
    • ความเร็วที่เหมาะสมกับสภาพถนน สภาพอากาศ สภาพการจราจร ซึ่งเป็นความเร็วที่ไม่ก่ออันตรายแก่ผู้อื่น
    • ความเร็วที่ผู้ขับขี่คิดว่าปลอดภัย
    • ถนนยิ่งแคบยิ่งต้องขับช้าๆ และแซงด้วยความระมัดระวัง
    • ให้สัญญาณไฟเลี้ยว ก่อนแซงทุกครั้ง
    • เมื่อแซงรถคันหน้าแล้วปาดหน้าชิดซ้ายทันที
    • ไม่แซงในที่คับขันหรือเขตห้ามแซง
    • ขับรถเก่งคล่องแคล่ว
    • ขับรถช้า ใจเย็น
    • ขับรถดีไม่เกิดอุบัติเหตุ
    • ขับรถอย่างมีสติเคร่งครัดวินัยจราจรแสดงออกถึงมารยาทและน้ำใจ
    • การเติมน้ำมันควรเติมในช่วงกลางวันเท่านั้น
    • เติมน้ำมันค่าออกเทน 95 แทนออกเทน 91 ไม่ได้
    • ไม่ควรเติมน้ำมันหล่อลื่นลงไปผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง
    • น้ำมันที่แพงคือน้ำมันที่ดีที่สุด
    • ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV ไม่สามารถขับรถได้
    • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ไม่สามารถขับรถยนต์ส่วนตัวได้
    • ผู้ป่วยที่มีสายตาสั้น ไม่สามารถขับรถยนต์สาธารณะได้
    • ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงขณะปรากฏอาการไม่ควรขับรถ
    • เพื่อทัศนวิสัยในการมองเห็นได้ดีที่สุด
    • เพื่อให้มีพื้นที่ในการเร่งความเร็ว โดยจะช่วยให้ทำการแซงได้เร็วขึ้นในช่วงทางโค้งที่เป็นจุดบอด
    • เพื่อให้มีพื้นที่ให้รถคันอื่นสามารถแซงได้
    • เพื่อให้มีพื้นที่ในกรณีที่รถบรรทุกหยุด
    • เร่งความเร็วเพื่อขอทางไม่ให้กลับรถ
    • หงุดหงิด บีบแตรไล่ แต่หยุดรถให้
    • หลบรถโดยแซงไปอีกช่องทางหนึ่ง
    • มีน้ำใจชะลอความเร็วและให้ทางแก่ผู้กลับรถ
    • โบกมือให้คนนั่งรถเข็นหยุดรอ
    • ขับต่อไป
    • โบกมือให้คนนั่งรถเข็นข้ามได้
    • เตรียมพร้อมที่จะหยุด
    • จะต้องปลอดภัยไว้ก่อน โดยไม่นึกถึงรถคันอื่นบนท้องถนน
    • การป้องกันไว้ก่อน เพื่อตัดสินใจแก้ไขสถานการณ์
    • ไม่จำเป็นต้องคิดอะไร เพื่อจะเกิดอุบัติเหตุค่อยแก้ไขปัญหาทันที
    • ขับรถไปตามปกติเพราะรถเรามีการป้องกันอุบัติเหตุที่ดีอยู่แล้ว
    • ตรวจสอบว่าหายใจเป็นปกติหรือไม่
    • ใช้น้ำเย็นสาดใส่หน้าผู้บาดเจ็บ
    • เคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บไปยังที่ที่สบายกว่า
    • ถ่ายรูปสถานที่เกิดเหตุ
    • มีจิตสำนึกในการขับขี่อย่างรับผิดชอบ
    • ขับรถด้วยความเร็วสูงเพื่อให้ถึงปลายทางก่อนที่จะมืด
    • ทำความคุ้นเคยกับรถที่จะขับขี่ ในกรณีที่เป็นรถที่ไม่เคยขับขี่มาก่อน
    • พักผ่อนให้เพียงพอและไม่ดื่มสุรา
    • ให้เด็กนั่งที่นั่งปกติและคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้ใหญ่
    • เปลี่ยนเบาะนั่งสำหรับเด็กให้หันออกไปยังหน้ารถ
    • ขอให้คนโดยสารอุ้มเด็กไว้
    • ปิดการใช้ถุงลมนิรภัย
    • เพราะรถจักรยานยนต์อนุญาตให้ต้องวิ่งทางด้านขวา
    • เพราะตำรวจจราจรมักใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ
    • เพราะรถจักรยานยนต์มีสิทธิ์ใช้ทางก่อนรถยนต์เสมอ
    • เพราะรถจักรยานยนต์มีขนาดเล็กและสังเกตเห็นได้ยาก
    • ขับเปลี่ยนเลนเพื่อแซงรถขึ้นไปให้พ้นสัญญาณไฟแดง
    • บีบแตรเร่งรถคันหน้าให้ขับเร็วขึ้น
    • ชะลอรถและหยุดรถหลังเส้นให้หยุดรถ
    • ขับตามคันหน้าไปโดยฝ่าสัญญาณไฟแดง
    • ดูกระจกเป็นระยะ
    • มองป้ายโฆษณาบริเวณข้างทาง
    • ตรวจสอบจุดบอดของรถเป็นระยะๆ
    • มองไปข้างหน้าในระยะไกล 200-300 เมตร
    • จอดรถข้างทาง
    • เปิดไฟฉุกเฉิน
    • ตั้งสติ รีบออกจากตัวรถทันที
    • ถอดขั้วแบตเตอรี่
    • เพิ่มความเร็วขึ้น
    • ขับตามปกติ
    • จอดรถทันที
    • การลดความเร็วลง
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาก่อนและตามด้วยสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายขณะแซง
    • เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายขณะแซง
    • ไม่จำเป็นต้องเปิดสัญญาณไฟหากรถคันหน้าขับด้วยความเร็วต่ำ
    • เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวา และแซงได้เมื่อปลอดภัย
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • รอจนกว่ารถคันข้างหลังของท่านจะให้สัญญาณแตร แล้วจึงออกรถ
    • ขับรถผ่านทางแยกไปโดยเร็ว เพื่อไม่ให้รถคันหลังเสียเวลา
    • ตรวจสอบการจราจรรอบๆ ข้างก่อน เมื่อปลอดภัยจึงออกรถ
    • ปฏิบัติอย่างไรก็ได้ แล้วแต่ผู้ขับขี่
    • ปรับแต่งท่อรถให้มีเสียงดังเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
    • ดัดแปลงไฟหน้ารถให้สว่างโดยผิดจากที่กฎหมายกำหนด
    • ปฏิบัติตามกฎจราจรตลอดเวลาที่ขับขี่โดยไม่ต้องรอให้ตำรวจจราจรบังคับ
    • เปิดไฟฉุกเฉิน เมื่อจอดรถในที่ห้ามจอด
    • ขับรถจี้ท้ายรถบรรทุกขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันรถอื่นวิ่งสวนทางเข้ามาชน
    • ขับรถย้อนศรเพื่อประหยัดน้ำมัน
    • ขับรถแล้วเจอแสงแดด ยกมือขึ้นมาป้องเพื่อป้องกันแสงเข้าตา
    • ขับรถด้วยความเร็วไม่เกินที่กำหนด และปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร
    • เปิดไฟสูงตลอดเวลาในการขับรถเวลากลางคืน
    • แซงรถคันข้างหน้าขณะเข้าโค้ง
    • แซงด้านซ้ายในถนน 2 ช่องจราจร เมื่อรถคันหน้าขับช้า
    • เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะที่ผู้ขับขี่สามารถหยุดรถได้ทัน
    • ปลดล็อกประตูทุกบาน
    • พยายามสตาร์ทเครื่องยนต์
    • หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้ารถเพื่อปรับความดันให้เท่ากับภายนอกรถ
    • เปิดประตูเมื่อความดันภายในและภายนอกรถเท่ากัน
    • พยายามขับให้ชิดคันหน้าเพื่อไม่ให้รถในซอยแทรกออกมา
    • เปิดทางให้รถออกจากซอยได้บ้างสลับกับรถทางตรง
    • บีบแตรหรือให้สัญญาณไฟเตือนรถที่จะออกจากซอยก่อนขับผ่านไป
    • ขับรถผ่านซอยด้วยความเร็วเพื่อส่งสัญญาณว่าขอไปก่อน
    • ใช้เกียร์ต่ำและค่อยๆเหยียบเบรก
    • ใช้เกียร์สูงและค่อยๆเหยียบเบรก
    • ใช้เกียร์สูงและเหยียบเบรกเต็มที่
    • ใช้เกียร์ต่ำและหลีกเลี่ยงการใช้เบรก
    • หากพบเห็นผู้ที่เมาแล้วขับให้ขับขึ้นไปปาดหน้า
    • หากพบรถที่ขับขี่ผิดปกติ ชะลอความเร็ว เว้นระยะห่างจากรถ ไม่เข้าใกล้หรือแซงระยะกระชั้นชิด
    • เมื่อผ่านสี่แยกในช่วงกลางคืน หากพบว่าไม่มีรถ ควรรีบเร่งความเร็วให้พ้นสี่แยก เพื่อไม่ให้เสียเวลา
    • ขับรถตามหลังอย่างกระชั้นชิด
    • ขับตามรถใหญ่ในระยะกระชั้นชิด
    • รักษาระยะห่างในระยะปลอดภัย
    • แซงไปทางด้านซ้าย
    • ให้สัญญาณแตร
    • ป้องกันการแซง
    • ป้องกันรถสวนทางมา
    • ป้องกันรถจักรยานยนต์ตัดหน้า
    • ป้องกันการชนกรณีคนวิ่งข้ามตัดหน้ารถ
    • ลดความเร็วและโบกมือให้ผู้ใช้รถจักรยานข้ามไป
    • เร่งความเร็วผ่านไปและบีบแตรเตือน
    • ลดความเร็วและเตรียมหยุดให้รถจักรยานไปก่อน
    • เบรกอย่างรวดเร็วและกะพริบไฟ
    • ขณะขับในทางตรง
    • ขณะขับบนถนนที่รถขับสวนทางกัน
    • ขณะขับบนถนนเดินทางเดียว
    • ขณะที่กำลังจะเลี้ยวซ้าย
    • การขับรถในเขตชุมชนต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติ
    • เมื่อวิ่งตามหลังรถคันหน้าสามารถเปิดไฟสูงได้ เพราะไม่มีผลต่อการขับขี่ของรถคันหน้า
    • เมื่อมีรถวิ่งสวนมาเวลากลางคืนควรใช้ไฟต่ำ
    • ช่วงเวลากลางคืน จะต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติ
    • เหยียบเบรกอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดรถ
    • ตั้งกระจกให้อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ทำให้ตาพร่า
    • เปิดปิดไฟข้างไปมา
    • ตั้งกระจกสะท้อนไปยังคนขับรถคันอื่น
    • ลดความเร็วของรถลง
    • หยุดรถข้างทางทันที
    • เปิดไฟฉุกเฉินและรีบขับผ่านบริเวณนั้นไป
    • เร่งความเร็วของรถเพื่อให้ผ่านฝนไปให้เร็ว
    • ใช้ระยะทางมากขึ้น เวลาในการแซงเท่าเดิม
    • ใช้ระยะทางและเวลาในการแซงน้อยลง
    • ใช้ระยะทางเท่าเดิม เวลาในการแซงมากขึ้น
    • ใช้ระยะทางและเวลาในการแซงมากขึ้น
    • ขว้างกระป๋องเครื่องดื่มออกนอกตัวรถขณะรถวิ่ง
    • ทิ้งขยะบนไหล่ทางหรือเกาะกลางถนน
    • ไม่ใช้เสียงแตรไล่คนเดินเท้า
    • เปิดเพลงเสียงดังแล้วเปิดกระจกรถรบกวนผู้อื่น
    • หากท่านคิดว่าท่านขับได้เร็วกว่ารถที่สวนมาแล้ว จึงทำการแซงได้ทันที
    • เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินแล้วแซงไปได้เลย
    • หยุดรอให้รถที่ขับสวนมาผ่านไปก่อนแล้วค่อยขับผ่านไปได้
    • ขับผ่านไปได้เลยโดยไม่ต้องสนใจรถที่สวนมา
    • เพราะรถจักรยานและรถจักรยานยนต์เป็นรถที่สังเกตเห็นได้ยากเนื่องจากขนาดเล็ก
    • เพราะรถจักรยานและรถจักรยานยนต์อาจต้องการจะเลี้ยวเข้าข้างทางได้
    • เพราะรถจักรยานและรถจักรยานยนต์อาจจะลดความเร็วเพื่อให้ท่านเลี้ยวไปก่อนได้
    • เพราะรถจักรยานและรถจักรยานยนต์อาจจะไม่เห็นว่าท่านต้องการเลี้ยว
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • เมื่อขับรถอยู่บนทางหลวงพิเศษ
    • เมื่อเข้าสู่ถนนเดินรถทางเดียว (one-way)
    • เมื่อขับรถอยู่บนทางคู่
    • เมื่อเข้าสู่ทางโค้งและทางแยก
    • ทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นเข้าใจว่าเป็นรถที่ขับเร็ว
    • ทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นสับสนว่ารถคันที่เปิดไฟฉุกเฉินกำลังเลี้ยวไปด้านใดด้านหนึ่ง
    • ทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นคิดว่ารถกำลังเกิดอุบัติเหตุ
    • ทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นคิดว่าเป็นรถที่จอดนิ่งอยู่
    • ความเร็วที่สามารถหยุดรถได้ทัน
    • ความเร็วตามความพึงพอใจ
    • ความเร็วจำกัดตามป้ายสัญญาณ
    • ความเร็วที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ถนน
    • ให้สัญญาณไฟเฉพาะเลี้ยวขวาเท่านั้น
    • ให้สัญญาณไฟฉุกเฉินเมื่อต้องการขับรถตรงไป
    • ให้สัญญาณไฟทุกครั้งเมื่อต้องการเลี้ยวซ้ายหรือขวา
    • ไม่จำเป็นต้องให้สัญญาณไฟเลี้ยวขวาหรือซ้าย
    • ชะลอความเร็วลงจนท่านคิดว่าปลอดภัย
    • ขับให้ใกล้เคียง 100 กม.ต่อชั่วโมง
    • ออกจากเส้นทางนั้น
    • หยุดรถของท่านทันที
    • เปิดไฟฉุกเฉิน
    • ชะลอรถแล้วมองซ้าย-ขวา
    • ยกมือขอทาง
    • เร่งความเร็วแล้วบีบแตรขอทาง
    • ใช้สัญญาณแตรเสียงสั้นเพื่อเตือน
    • ใช้สัญญาณไฟสูงเพื่อเตือน
    • ชะลอความเร็วลง และสังเกตซ้ายขวาเพื่อความปลอดภัย
    • ใช้สัญญาณแตรเสียงยาวเพื่อเตือน
    • รีบเปลี่ยนช่องทางเดินรถ
    • จอดรถทันที
    • ลดความเร็วลง ชิดซ้าย เปิดช่องทางให้แซง
    • บีบแตร และให้สัญญาณไฟกะพริบรถคันที่สวนทางมา
    • คาดคะเนว่าเราขับรถอย่างไร
    • คาดคะเนว่ารถเราจะเกิดอุบัติเหตุไหม
    • คาดคะเนว่าคนที่ใช้ถนนจะเคลื่อนไหวไปอย่างไร
    • คาดคะเนว่าเราจะเลี้ยวไปทางไหน
    • หยุดรถ โดยให้ส่วนหน้าของรถต้องไม่ล้ำเข้าไปในช่องทางเดินรถที่สวนทางกัน
    • เว้นระยะจากรถด้านหลังให้เพียงพอ
    • ขับรถให้อยู่ในตำแหน่งด้านซ้ายของถนน
    • หยุด จากนั้นใช้เบรกมือและเลือกใช้เกียร์ต่ำ
    • พยายามขับรถเข้าไปให้ใกล้กับรถคันหน้าเพื่อให้รถคันหน้าเห็นรถเราได้ชัดเจน
    • เปิดไฟฉุกเฉินขณะทำการแซงรถคันหน้า
    • ทิ้งระยะห่างระหว่างรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ
    • ใช้ไฟสูงตลอดทางของการขับรถ
    • ถอยหลังเข้าก่อนที่คนข้ามถนนจะเริ่มข้าม
    • บีบแตรเพื่อเตือนคนข้ามถนน
    • ให้ทางแก่คนข้ามถนน
    • ได้โบกมือให้คนข้ามถนนหยุดรอ
    • เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเวลาที่ฝนตก
    • ใช้อัตราความเร็วที่ปลอดภัย
    • เปิดไฟหน้า
    • ทิ้งช่วงห่างจากรถคันหน้า เผื่อไว้มากๆ
    • หยุดรอที่สัญญาณไฟจนกว่าสัญญาณฟจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
    • รักษาความเร็วเดิมและให้สัญญาณแตร
    • เร่งความเร็วเพื่อให้ผ่านทางข้ามไปให้เร็วที่สุด
    • ลดความเร็ว จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีเด็กข้ามถนนแล้วจึงไปต่อ
    • ทานอาหารร้อน ๆ ร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    • ดื่มนมก่อนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    • ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด
    • ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    • ติดเครื่องยนต์ไว้
    • ดับเครื่องยนต์
    • ลงจากรถและเดินออกให้ไกล
    • ไม่ต้องทำอะไร
    • ใช้ครัชร่วมกับคันเร่ง
    • ใช้เบรกเท้าเท่านั้น
    • ใช้ทั้งเบรกมือและเบรกเท้า
    • ใช้เบรกมือเท่านั้น
    • ให้รถที่เข้าวงเวียนและจะตรงไปให้ไปก่อน
    • ให้รถทางขวามือของเราที่อยู่ในวงเวียนไปก่อน
    • ให้รถทางซ้ายมือของเราที่อยู่ในวงเวียนไปก่อน
    • ให้รถที่เข้าวงเวียนและจะเลี้ยวซ้ายไปก่อน
    • แซงทางด้านซ้าย
    • เคลื่อนที่เข้าใกล้ขึ้น
    • ขับตามหลัง
    • แซงทางด้านขวา
    • บีบแตรทักทาย
    • เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ
    • ควรสังเกตจากทั้งบนถนนและทางเท้าเป็นพิเศษ
    • เว้นระยะห่างให้เพียงพอ
    • การเคลื่อนที่ของรถ หรือคนเดินเท้า
    • สภาพผิวจราจร
    • ลักษณะทางภูมิประเทศ
    • ความไม่พร้อมของผู้ขับขี่
    • เคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยทันที
    • ประเมินสถานการณ์สงบสติอารมณ์
    • ผู้ช่วยเหลือต้องแน่ใจว่าเราปลอดภัย
    • ประเมินผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต มีจำนวนเท่าใด
    • ทดสอบไฟสูงต่ำ
    • ทดสอบไฟเลี้ยวหลาย ๆ ครั้ง
    • ทดสอบสัญญาณแตร
    • ทดสอบเบรกหลาย ๆ ครั้ง
    • ขับรถตามปกติ
    • ลดปริมาณยาที่ทานลง
    • นำยาติดตัวไปด้วยทั้งหมดเมื่อท่านขับรถ
    • ไม่ขับรถหลังจากทานยาที่ทำให้เกิดอาการง่วง
    • รีบเร่งเครื่องแล้วแซงได้เลย
    • ให้สัญญาณไฟก่อน
    • เปิดไฟฉุกเฉินแล้วแซงได้เลย
    • ให้ดูกระจกก่อน ทั้งด้านข้างและด้านหลังเพื่อตรวจสอบจุดบอด
    • สามารถหยุดรถได้ทันท่วงที
    • มีโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุสูง
    • ความรุนแรงในการบาดเจ็บหากเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น
    • สิ้นเปลืองพลังงาน
    • คนผู้นั้นมีโอกาสสูงที่จะเสียชีวิต
    • คนผู้นั้นจะเสียชีวิตทันที
    • คนผู้นั้นจะไม่เป็นอะไรเลย
    • คนผู้นั้นมีโอกาสเจ็บแต่ไม่เสียชีวิต
    • ห้ามแซงโดยเด็ดขาด
    • บีบแตรเพื่อให้รถคันหน้าเคลื่อนตัว
    • แซงโดยทันที
    • ชะลอรถและแซง
    • ให้สัญญาณไฟสูงเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอ
    • เร่งความเร็วผ่านไปทันที
    • เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เตรียมพร้อมที่จะหยุดเสมอ
    • ขับต่อไปโดยไม่ต้องระวังสิ่งใด
    • บีบแตรก่อนที่จะแซง
    • แชงซ้าย ถ้ามีพื้นที่ให้สามารถแซงได้
    • กะพริบไฟเพื่อเตือนรถคันข้างหน้า
    • ขับอยู่ข้างหลังต่อไปและไม่ทำการแซง
    • คนขับรถจักรยานยนต์อาจหยุดกะทันหัน
    • คนขับรถจักรยานยนต์อาจถูกพัดมาด้านหน้ารถ
    • คนขับรถจักรยานยนต์อาจขับเร็วกว่าปกติ
    • คนขับรถจักรยานยนต์อาจขับออกกะทันหันเพื่อหลีกเลี่ยงลม
    • ขับออกไปให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลา
    • หยุดรอให้รถในทางหลักและคนเดินเท้าไปก่อน
    • บีบแตรเพื่อขอทางจากรถคันอื่น
    • ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟเลี้ยวก็ได้
    • ลดความเร็วลงและขับด้วยความระมัดระวัง
    • หยุดรถแล้วหลีกเลี่ยงเส้นทางนั้น
    • เปิดไฟฉุกเฉิน ใช้ความเร็วปกติ
    • เร่งความเร็ว
    • เพื่อตรวจดูรถที่ออกมา
    • เพื่อมองหาคนข้ามถนนที่กำลังจะข้าม
    • เพื่อตรวจดูว่าถนนรองว่าง
    • เพื่อตรวจหารถที่จะทำการแซง
    • เพื่อช่วยให้รถบรรทุกหยุดได้ง่ายขึ้น
    • เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากแรงดูดระหว่างรถ
    • เพื่อให้สามารถกันลมได้ดีขึ้น
    • เพื่อให้คนขับรถบรรทุกสามารถมองเห็นรถของท่านจากกระจกได้
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • รถคันไหนไปก่อนก็ได้ หากมาถึงก่อน
    • ให้รถคันสีเขียวไปก่อน
    • ให้รถคันสีน้ำเงินไปก่อน
    • รถคันไหนไปก่อนก็ได้ หากมีความเร็วสูงกว่า
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • เปิดไฟเลี้ยวขวาเพื่อให้รถดับเพลิงรู้ว่าท่านจะไปก่อน
    • รอให้รถดับเพลิงไปก่อนแล้วจึงเลี้ยว
    • เลี้ยวไปได้เลยโดยไม่ต้องสนใจรถดับเพลิง
    • เลี้ยวขวาไปก่อนรถดับเพลิงจะมาถึง
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • ขับรถออกจากช่องจอดรถได้ทันที
    • เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน
    • ตรวจสอบความปลอดภัยทางด้านขวา
    • ลดกระจกแล้วโบกมือชะลอความเร็ว
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • กะพริบไฟเมื่อเข้าใกล้
    • ให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย แล้วโบกให้รถโดยสารประจำทางออกไปก่อน
    • รีบแซงก่อนที่รถโดยสารประจำทางจะออกมา
    • ยอมให้รถโดยสารประจำทางออกมาก่อน
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • รอจนกว่ารถข้างหน้าของท่านจะเคลื่อนตัว แล้วจึงขับรถผ่านไปได้
    • พยายามขับแทรกไปทางขวาของรถคันหน้า
    • ขับรถเข้าไปตรงกลางแยก แล้วรอจนกว่ารถข้างหน้าจะเคลื่อนตัว
    • ขับรถเข้าไปต่อคันหน้า
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • รถที่มาถึงทางแยกก่อน
    • รถคันสีเหลือง
    • รถที่มีความเร็วสูงกว่า
    • รถคันสีแดง
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • มองกระจกข้าง ให้สัญญาณไฟเลี้ยวขวา และเปลี่ยนช่องทางเมื่อปลอดภัย
    • มองกระจกข้าง ให้สัญญาณไฟฉุกเฉิน และเปลี่ยนช่องทางเมื่อปลอดภัย
    • เร่งความเร็วไปข้างหน้าและรีบเปลี่ยนช่องจราจร
    • เร่งความเร็วขึ้นและแซงโดยไม่ต้องมองกระจกข้าง
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • พยายามจะแซงจักรยานก่อนที่จะถึงทางเลี้ยว
    • ชะลอความเร็วจนกว่าจักรยานจะผ่านทางเลี้ยว
    • ทำการเลี้ยวโดยไม่ต้องสนใจจักรยาน
    • จอดรถเพื่อรถคนขี่จักรยานจะผ่านทางเลี้ยว
  • ป้ายและเครื่องหมายจราจร
    • บีบแตรเพื่อให้รถคันหน้าเร่งความเร็ว
    • ขับต่อไปด้วยความเร็วเท่าเดิม
    • ลดความเร็วลง และให้ทางแก่รถที่เลี้ยวออกมา
    • เปิดไฟฉุกเฉินและขับผ่านไปด้วยความรวดเร็ว
    • เหมาะสม ควรให้สัญญาณในเวลาที่จำเป็น
    • ไม่เหมาะสม ผู้ขับอื่นๆอาจจจะเข้าใจผิด
    • ไม่เหมาะสม เนื่องจากรบกวนสมาธิในการขับขี่ของผู้ขับอื่นๆ
    • เหมาะสม ควรบีบแตรถี่ ๆเพื่อเตือน
    • เบรกรถที่แยกไม่ทัน
    • สุนัขวิ่งตัดหน้ารถ
    • ขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป
    • หักเลี้ยวเพื่อจอดรถข้างทาง
    • จะทำให้ผู้ขับรถคันหน้าและรถที่วิ่งสวนทางมาหลับใน
    • จะทำให้เรามองทางข้างหน้าไม่ชัดเจน
    • จะทำให้รถที่วิ่งสวนทางมาหลับใน
    • จะทำให้ผู้ขับรถคันหน้าและรถที่วิ่งสวนทางมามองทางไม่ชัดเจน
    • ประคองรถเข้าข้างทาง และเปิดไฟฉุกเฉิน
    • จอดรถกลางถนน และเปิดไฟฉุกเฉิน
    • จอดรถกลางถนน และโทรขอความช่วยเหลือ
    • จอดรถกลางถนน และออกมายืนโบกรถ
    • แซงขณะที่รถข้างหลังกำลังจะแซงรถของท่าน
    • ไม่แซงหากมีรถวิ่งสวนมาในระยะใกล้
    • ไม่แชงหากรถคันหน้ากำลังแซงอยู่
    • แซงได้หากรถข้างหน้าของท่านเปิดไฟเลี้ยวซ้ายและชะลอความเร็วลง
    • ตั้งสติ ใช้ปลายเท้างัดคันเร่งขึ้นมา
    • เปิดไฟฉุกเฉิน
    • ย้ำคันเร่งหลายๆ ครั้ง
    • ดึงเบรกมือ
    • ไม่เหมาะกับผู้บาดเจ็บบริเวณแขนและขา
    • ไม่เหมาะกับผู้บาดเจ็บบริเวณศรีษะ
    • ไม่มีข้อใดถูก
    • ไม่เหมาะกับผู้บาดเจ็บบริเวณหลัง
    • เปลี่ยนช่องทางทันที เมื่อความเร็วเหมาะสม
    • เปิดสัญญาณไฟแล้วเปลี่ยนช่องทางได้เลย
    • ดูกระจกมองข้าง เปิดสัญญาณไฟแล้วเปลี่ยนช่องทางเมื่อเห็นว่าปลอดภัย
    • เปลี่ยนช่องทางโดยเร็วเพื่อหลบรถคันอื่น
    • บริเวณที่คนขับไม่สามารถมองเห็นได้ชัดในขณะขับรถ
    • บริเวณด้านหน้าของรถที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นได้
    • บริเวณด้านหลังของรถที่กระจกมองหลัง จับภาพไม่ได้
    • บริเวณด้านซ้ายของรถที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นได้
    • ในกรณีที่มีรถเสีย
    • ในกรณีที่การจราจรหนาแน่น
    • สำหรับรถเข็นขายของสัญจร
    • สำหรับรถจักรยานยนต์สัญจร
    • ตะโกนด่าผู้ขับขี่คันอื่นที่ทำให้ไม่พอใจ
    • สูบบุหรี่และเขี่ยทิ้งก้นบุหรี่ลงบนถนน
    • ถ่มน้ำลายหรือเสมหะลงบนถนน
    • หยุดรถให้คนข้ามถนนบริเวณทางข้าม
    • ติดต่อขอความช่วยเหลือ
    • ตั้งสติและขับรถเข้าไหล่ทางด้านซ้ายพร้อมกับให้สัญญาณไฟฉุกเฉิน
    • ชะลอความเร็ว
    • เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน
    • จะทำให้สามารถเปลี่ยนช่องจราจรได้รวดเร็วมากขึ้น
    • เพื่อให้สามารถเห็นผู้คนที่เดินอยู่บริเวณทางเดินเท้า
    • เพื่อตรวจดูจุดบอดของรถ
    • เพื่อเปลี่ยนช่องจราจรในกรณีที่ไม่ต้องการเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว
    • เร่งเครื่องเพื่อให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว
    • วิ่งแล้วเบรกบ่อยๆ เพื่อให้หายง่วง
    • ขับรถหวาดเสียวเพื่อให้ระบบประสาทตื่นตัว
    • หยุดพัก นอน หรือยืดเส้นยึดสายตามจุดพัก
    • รถจักรยานยนต์
    • รถสามล้อ
    • รถบรรทุก
    • รถกระบะ
    • ให้สัญญาณมือเพื่อขอทาง
    • ไม่จำเป็นต้องหันมองดูรถที่จอดอยู่ข้างหน้า มองแค่รถที่ตามมาก็พอ
    • เปิดสัญญาณไฟเพื่อเตือนให้รถคันที่ตามมาชะลอความเร็วลง
    • มองกระจกข้างด้านขวาและกระจกมองหลัง เปิดไฟเลี้ยวขวา ออกรถเมื่อปลอดภัย
    • เปลี่ยนช่องจราจรไปทางด้านขวาทันที
    • เปิดไฟเลี้ยวขวาและขับรถต่อไป
    • เปิดช่องทางเดินรถให้รถฉุกเฉินขับผ่านไปได้
    • เปิดไฟฉุกเฉินและเร่งความเร็วทันที
    • ใช้ไฟฉุกเฉิน
    • ใช้ไฟสูง
    • ใช้ไฟข้างเท่านั้น
    • ใช้ไฟต่ำ
    • ขับเข้าไปใกล้คนเดินเท้าในระยะกระชั้นชิด
    • รอจนกว่าคนเดินเท้าจะเดินผ่านไปแล้วจึงเลี้ยว
    • โบกมือและตะโกนต่อว่าเพื่อเร่งให้ผู้คนเดินผ่านไป
    • บีบแตรไล่เพื่อไม่ให้ผู้คนเดินผ่าน
    • เมื่อไฟเลี้ยวไม่ทำงาน
    • เมื่อรถเสียและกีดขวางการจราจร
    • เมื่อจอดรถซ้อนคันบนถนนที่มีการเดินรถสวนทาง
    • พื่อเตือนรถที่สวนทางว่าคุณกำลังจะหยุดรถ
    • ทางแยก
    • ถนน 4 เลนที่มีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นประ
    • ไหล่ทาง
    • ทางลงสะพาน